เมื่อเราเสพติดบางสิ่ง

เมื่อเราเสพติดบางสิ่ง

สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต ก็คือการสังเกตสิ่งรอบตัวของเรา หากเราไม่เคยสังเกตสิ่งรอบตัวของเราเลย ก็ไม่ต่างอะไรกับการที่เราเพิกเฉยบางสิ่งไป แน่นอนว่าการที่เราจะพบเจอและรู้จักตัวตนเบื้องลึก มิใช่เรื่องง่ายอย่างที่ใครเขาร่ำลือกัน จุดเริ่มต้นก็คือการสังเกต จุดต่อไปก็คือการค้นพบ ซึ่งสิ่งที่หล่อหลอมให้เราเป็นอย่างที่เป็นในทุกวันนี้ ก็เนื่องด้วยมาจากการที่เราทุ่มเทสรรพกำลัง ต่อสู้กับอุปสรรคต่าง ๆ นานา จนผ่านพ้นมาได้ แล้วคำถามที่สำคัญยิ่งต่อยุคสมัยนี้คือ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่เรากำลังเสพอยู่ ณ วันนี้ จะส่งผลต่ออนาคตอันสดใสมายังชีวิตของเราได้อย่างแท้จริง.

เมื่อเราเสพติดบางสิ่ง เมื่อนั้นเราจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ภาวะของการเสพติดก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่ไขว่คว้าหาความสุขกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เรามิอาจบังคับตัวตนของเราได้ เพราะในเมื่อตัวตนด้านมืดของเรากำลังควบคุมทั้งร่างกายและจิตใจของเราอยู่ ปัญหาจึงไม่ได้เกิดจากการที่เรากำลังเสพติดอะไรแค่เพียงอย่างเดียว แต่มันคือการที่เรากำลังเสพสิ่งที่ดีกันอยู่รึเปล่า เพราะการเสพติดนั้นแบ่งย่อยออกเป็น 2 ประเภทนั่นก็คือ เสพเพื่อดี หรือเสพเพื่อไม่ดี กระนั้น เราจะไม่ชี้ชัดไปโดยส่วนเดียวว่า การเสพติดนั้นเป็นของที่ทำให้ชีวิตแย่ลง แต่กลับกลายเป็นการเสพสิ่งที่ดีนั้นกลับทำให้ชีวิตนั้นดีขึ้นได้เหมือนกัน.

มนุษย์นั้นจำเป็นจะต้องหมกมุ่นอยู่กับสิ่งต่าง ๆ อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นตัวของเราเองหรือคนรอบข้าง รวมไปถึงสิ่งต่าง ๆ ที่มีพื้นที่เพียงพอต่อจริตจิตใจที่ทำให้อารมณ์ของเราเบิกบานมากยิ่งขึ้น สิ่งนั้นก็เพียงพอแล้วต่อการที่ทำให้เราเสพติดบางสิ่งได้ ทว่า ชีวิตบางทีมันก็ไม่ได้ออกแบบให้เราเลือกแต่สิ่งที่ดีเสมอไป บางทีมันก็หยิบยื่นสิ่งที่ไม่ดีมาให้เรา ยั่วยวนให้เราตรึงตาตรึงใจกับภาพวาดอันสวยหรู ที่มิอาจจะเอื้อมไปถึงได้ นี่จึงเรียกว่ามนุษย์ที่แสวงหาความสุขอยู่ร่ำไป เราจึงต้องใช้การเสพติดนี้ เพื่อดึงดูดพลังมายังที่ตัวของเรา เพื่อทำให้เรามีพลังในการเดินต่อไปในอนาคตอย่างมีความหวังมากยิ่งขึ้น.

สิ่งที่ยังคงขับเคลื่อนชีวิตต่อไปได้ ก็เพราะเรายังคงมีความหวังหลงเหลืออยู่ และความหวังนี่แหละจึงเป็นตัวจุดประกายส่องแสงนำทางชีวิตเรา ให้ผ่านพ้นช่วงเวลาอันย่ำแย่ไปได้ บางคนใช้สารเสพติดเพื่อทำให้ความทุกข์ในวันนี้จางหายลงไป โดยขอเพียงแค่เรามีความสุขมากขึ้นก็พอแล้ว บางครั้งมันจึงไม่ใช่ความผิดของใครทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการที่เราพบเจอความเลวร้ายในชีวิต หากแต่เพียงเราเป็นแค่คนที่ยังก้าวข้ามผ่านปัญหาเหล่านั้นไปไม่ได้ใน ณ เวลานี้ เราจึงไม่สมควรที่จะมองว่าตัวเองอ่อนแอไปตลอดชีวิต แต่มันคือการเปิดใจมองอีกแง่มุมนึงว่า เราก็คือคนธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่สลักสำคัญอะไรต่อโลกใบนี้มาก เราจะผิดพลาด ล้มเหลว หรืออ่อนแอบ้างจะเป็นอะไรไป เราจึงไม่ต้องกังวลไปว่า การตัดสินใจนี้จะผิดหรือถูก เพราะผิดหรือถูกก็คือค่านิยมที่สังคมตั้งขึ้นมา เพื่อกรอบการกระทำของมนุษย์ทุกคนเอาไว้.

จุดประสงค์หลักของการใช้ชีวิต ก็เพื่อการแสวงหาความสุขและการดิ้นรนเพื่อที่จะพ้นทุกข์ ไม่มีสิ่งใดนอกเหนือจากสิ่งที่เราจะพยายามดับความกระหายนี้ได้เลย เราก็เพียงแค่ใช้ร่างกาย รวมไปถึงจิตใจของเรา เพื่อเป็นเครื่องมือในการดำรงชีวิต เราอยากให้ทุกสิ่งทุกอย่างศิโรราบต่อหน้าเรา และเราก็อยากนั่งจ้องมองดูบางสิ่งที่เรารู้สึกอย่างแรงกล้าเพื่อที่จะให้มันเป็นไป แต่กระนั้นชีวิตไม่ได้ออกแบบมาเพื่อการที่เราจะให้ทุกอย่างเป็นได้ดังใจเรา การตื่นรู้ย่อมเกิดขึ้นหลังจากการเสพติดบางสิ่งเสมอ เสมือนว่าเราต้องล้มลงก่อน เพื่อเงยหน้าขึ้นมามองเห็นต้นกล้าเล็ก ๆ ที่อยู่ตรงหน้าของเรา.

ความสุขกับความทุกข์จึงมีเส้นบาง ๆ กั้นกันอยู่ หากเราลองปรับเปลี่ยนวิถีของชีวิต หลังจากนั้นลองปรับทัศนคติดู เราก็จะค้นพบว่าความทุกข์มันเป็นสารตั้งต้นของการที่เราจะแสวงหาการดับทุกข์ หรือเรียกกันอย่างโลก ๆ ว่าความสุขนั่นเอง หลังจากที่เรารับรู้แล้วว่า เรากำลังหาทางที่ไปยังความสุขอันยั่งยืน เราก็ต้องเสพติดบางสิ่งก่อน นั่นคือการเสพติดสิ่งที่ดี แต่แล้วการจะบอกว่าอะไรบ้างคือสิ่งที่ดี สิ่งนั้นย่อมเป็นสิ่งที่ยากพอสมควร โดยลักษณะเด่นของสิ่งที่ดีนั่นก็คือ ช่วงแรก ๆ ที่เรากำลังเสพมัน มันอาจจะไม่ได้ทำหน้าที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีอะไรกับเราเลย ความคิดโดยส่วนใหญ่ที่มนุษย์ชอบความสุขก็เพราะมันเป็นความสุขโดยทันที เราไม่ค่อยชอบอะไรที่ต้องรอคอย หรือว่าต้องใช้ความอดทนอดกลั้น มันจึงเป็นตัวขวางทางที่เราจะพบเจอทางออกที่มนุษย์ทุกคนตามหากันมานานแสนนาน.

ถ้าวันนี้เรากำลังทุกข์ จงบอกกับตัวเองว่าโลกใบนี้มีที่พึ่งพาอาศัยอยู่อีกมากมาย แต่มันจะไม่ใช่สิ่งที่เราเห็นได้โดยง่าย เพราะมันจะไม่ได้มาเคาะที่ประตู แต่หน้าที่เราคือต้องลงทุนลงแรงกับชีวิตมันหน่อย รักตัวเองให้มาก ๆ เสมือนว่าชีวิตนี้เกิดมาเพื่อสร้างสิ่งที่มีคุณค่าต่อโลกใบนี้ อดทนต่อสู้กับสิ่งภายในและภายนอก และถึงแม้ว่าเราจะตายไปในวันนี้ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยที่สุดเราก็ยังได้ลองดู ที่จะเพียรพยายามในการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ โอกาสมีอยู่ทุกวันไม่มีวันหยุดพักหรือวันที่เลิกรา มีแต่ใจเรานี่เองที่มันเอาแต่จะก่นด่าโลกใบนี้ว่าไม่ยุติธรรมกับเราเลย มิหนำซ้ำกลับกลายเป็นมองเห็นไปว่า ทำไมเราจึงเป็นคนที่โชคร้ายขนาดนี้ แต่การมองแบบนี้ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น นอกเสียจากเป็นการซ้ำเติมว่าเรามันคือคนที่ยอมแพ้แล้วในชีวิต.

รุ่งเช้าของวันใหม่รอคอยเราอยู่เสมอ ไม่มีวันใดที่แสงของพระอาทิตย์จะไม่สาดส่องมายังผืนแผ่นดินที่เราเหยียบย่ำนี้เลย นั่นจึงเรียกว่าโอกาส แล้วโอกาสก็ย่อมมีวันเข้ามายังที่ตัวเราอยู่เสมอ ไม่ว่าการแก้ไขปัญหาด้วยการเสพติดบางสิ่งที่ไม่ดี เช่น การเสพติดการมีเซ็กซ์ การใช้สารเสพติดเพื่อให้อารมณ์มวลรวมของเราดีขึ้น รวมไปถึงการเสพติดการชอปปิง สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้ชีวิตของเราแย่ลงในระยะยาวเพียงอย่างเดียว แต่มันย่อมส่งผลทำให้เราไม่สามารถมองเห็นโอกาสที่เข้ามาได้เลย ฝึกใจที่จะสังเกตสิ่งต่าง ๆ รอบข้าง เพราะการปิดกั้นมุมมองด้วยการเพิกเฉยโอกาส สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ทำให้เราขาดมุมมองใหม่ ๆ ที่เข้ามายังชีวิตของเราได้ คำว่าลองดูก็ยังคงเป็นคำที่ใช้ได้ตลอดเวลา.

วันใดที่เราเริ่มที่จะรับรู้และสังเกตเห็นว่า ชีวิตมีอะไรอีกตั้งมากมายรอเราอยู่ ตัวเราเองนั่นแหละคือคนที่จะมาเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ทั้งใบของเราเอง และชีวิตจะย้อนกลับมาตั้งคำถามกับเราว่า สิ่งที่เราทำทั้งหมดเราจะทำไปเพื่อใคร จงตอบชีวิตกลับไปว่า เราก็ทำเพื่อตัวเราเองทั้งนั้นแหละ สิ่งที่สูงสุดของการกระทำเพื่อตัวเราเอง นั่นก็คือการเห็นผู้คนรอบข้างของเรามีรอยยิ้มที่มาจากก้นบึ้งของจิตใจ วันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่เราจะเสพติดรอยยิ้มของคนในครอบครัว และหลังจากนั้นเราก็จะสามารถทำให้ผู้คนในสังคมมีความสุขตามไปกับเราได้ เพียงแค่คำพูดที่ดีของเราไม่กี่คำ ก็สามารถเปลี่ยนแปลงจิตวิญญาณของผู้คนได้ ถ้าเรามีความตั้งใจมั่นที่เราอยากจะให้เขาเหล่านั้นเสพสิ่งที่ดีสืบไป.