ลมหายใจ

เรากำลังยืมลมหายใจคนอื่นหายใจอยู่รึเปล่า เมื่อปัญหาใหญ่ของการใช้ชีวิตก็คือ เราไม่รู้ว่าอากาศที่เราใช้อยู่นี้ มันสมควรเป็นของเราจริง ๆ ไหม หรือว่ามันไม่ควรเป็นของเราตั้งแต่แรก ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิต ธุรกิจ หรือว่าความสัมพันธ์ใด ๆ ก็ตามแต่ มันคือการฝึกตั้งคำถามว่า เราควรจะใช้ชีวิตปล่อยให้มันไหลไปตามกระแสแบบนี้เรื่อย ๆ ไหม หากเราตายไปเพราะอากาศหายใจหมดลง มันคือความผิดของใคร.

ตั้งแต่เราลืมตาดูโลกใบนี้ ลมหายใจเปรียบเสมือนหัวใจของการมีชีวิตอยู่ หากไม่มีอากาศ ก็จะไม่มีชีวิต แล้วการขับเคลื่อนไปได้ก็คือเรากำลังใช้อากาศอะไรหายใจ อากาศของพ่อแม่ให้ อากาศของแฟนเราให้ หรืออากาศของตัวเราเองที่เราสร้างมาเองกับมือ ปัญหาอาจจะไม่ใช่อากาศของใคร แต่เป็นอากาศที่เราจำเป็นต้องใช้หายใจนี้มันจะหมดลงวันไหนเสียมากกว่า แล้วเราจำเป็นจะต้องตระหนักให้มากเข้าไว้.

อนาคตอันใกล้นี้ อากาศเริ่มจะหมดลง ไม่ใช่อากาศของใคร แต่เป็นอากาศของทุน เมื่อทุนอากาศที่เราใช้หายใจ จู่ ๆ มีคนบอกว่าเราไม่มีสิทธิ์ได้หายใจอีกต่อไป เราจะทำอย่างไรต่อไป เช่น ถูกไล่ออกจากงาน พ่อแม่เราล้มละลาย หรือว่าแฟนที่คบกันอยู่ดี ๆ แถมเราก็พึ่งพาเขาเกินครึ่งก็บอกเลิกเราแบบฟ้าผ่าเลย ปัญหาที่เราไม่ได้ตั้งรับเอาไว้อย่างดีเยี่ยม ก็มักจะเป็นสิ่งที่จะกลับมาเซอร์ไพรส์เราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้.

รับรู้ให้ได้เร็วที่สุด ว่าเราควรจะมีแผนสำรองอย่างไร หรือหลักประกันสำหรับอนาคตของเราในสิ่งที่เราคาดไม่ถึง ลมหายใจของเรากำลังให้ใครยืม หรือเรากำลังยืมใครหายใจ ทั้งสองความหมายนี้ต่างกัน แล้วเมื่อเราทวงคืนลมหายใจที่เราควรได้รับกลับคืนมา นั่นแปลว่าเราจะใจร้ายรึเปล่า หรือมันเป็นเพียงค่านิยมของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา.

การซื้อลมหายใจย่อมเกิดขึ้น เพราะมันคือทุนอากาศที่เราจำเป็นต้องหายใจ เมื่อการดำรงชีวิตเป็นสิ่งที่ทุกคนจำเป็นต้องดำรงอยู่ อะไรเล่าจึงเป็นโจทย์ที่ใหญ่กว่าอากาศ นั่นก็คือเรามีอากาศเพียงพอสำหรับทุกคนต่อไปไหม แล้ววันนี้คุณภาพของอากาศจะขึ้นอยู่กับอะไร นอกจากคุณภาพของชีวิต บวกกับคุณภาพของการนำอากาศไปใช้กับอะไร จงหมั่นสร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์แล้วเราจะได้สมควรมีอากาศให้เราได้สูดหายใจอย่างสะดวกสบาย.

ผู้คนส่วนใหญ่มักจะยืมอากาศคนอื่นหายใจ แล้วนั่นเป็นวัฒนธรรมที่ฝังรากลงลึกมานานมาก

ศุภกิตติ์ กิติมหาคุณ