เมฆหมอก

เมฆหมอก

ไม่มีสิ่งใดจะบดบังจิตใจที่ผ่องใสได้เท่ากับเมฆหมอกของกิเลส ชีวิตที่ดีที่สุดก็คือชีวิตที่เปียมไปด้วยเจตนาที่ดี มุ่งหวังให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งดีขึ้นได้จริง โดยมิใช่เป็นการแทรกแซงให้เหตุปัจจัยมวลรวมเสียหาย แต่มันคือกระบวนการสร้างที่ยอดเยี่ยมในการจะดำเนินชีวิตให้ไปยังวิถีทางที่ถูกต้องที่สุด.

โลกเราใบนี้มีธรรมชาติเป็นครูสอนที่ดีที่สุด โดยไม่จำเป็นจะต้องไปเสาะแสวงหาอาจารย์ที่เป็นบุคคลเลยด้วยซ้ำไป ยิ่งเรามีมุมมองที่แคบเท่าไหร่ เราก็จะถอดรหัสปัญญาของธรรมชาตินี้ไม่ได้เลย ฝึกมองธรรมชาติอย่างที่มันเป็น ไม่ใช่อยากให้มันเป็นไปตามใจของเรา สุขทุกข์นั้นอยู่ที่ใจไม่ใช่ภายนอก ไม่ต้องไปแสวงหาสิ่งใดมาทดแทนหรือชดเชยความสุขที่เสียไป เพราะมันเป็นไปอย่างสิ่งที่ควรจะเป็น.

อย่าหลงลืมว่าสิ่งที่มาทำให้ใจเราหมอง ไม่ใช่สิ่งภายนอก แต่มันอยู่ที่ภายในจิตใจของเราเองให้ลองสังเกตอารมณ์ในแต่ละวันว่า เมฆหมอกในจิตใจของเราแน่นหนาเพียงใด บางวันเบาบางบางวันก็หนาแน่น มันเกิดจากสิ่งใดกันแน่ สุขหรือทุกข์มันอยู่ที่ไหน ให้เราลองตามรู้อารมณ์ไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่ต้องตั้งคำถามถึงสิ่งภายนอก แต่ให้น้อมนำมาที่ภายในตลอดทุกเมื่อเชื่อวัน.

หากวันนี้เรากำลังโทษสิ่งอื่น เช่น คน สัตว์ หรือสิ่งของว่าเป็นเหตุให้ใจเราทุกข์ เมื่อนั้นเราจะประสบกับการหลงทางโดยที่หารู้ไม่ว่า ใจเราเองนั้นปรุงแต่งสุขหรือทุกข์ขึ้นมามากมาย เพียงแต่มันอยู่ที่เราจะหาเหตุผลอย่างที่มันเป็นไปจริง ๆ ไหมว่า นี่คือเหตุผลที่ทำให้ใจเราทุกข์จริงหรือไม่ เริ่มต้นที่จะตระหนักรู้ถึงปัญหาแล้วค่อย ๆ หาทางแก้ไขมันเท่าที่เราทำไหว.

ชีวิตนี้มีอุปสรรคมากมายที่ทำให้เราไขว้เขว แต่ถ้าวันที่หมอกหรือควันที่ทำให้เราสดชื่นหรือแสบตา นั้นแตกต่างกันอย่างไร เราก็จะสามารถรับรู้ถึงความสุขและความทุกข์ในใจเราได้ ไม่ต้องตามหาความสุขไกลตัวจนเกินไป ความสว่าง สะอาด สงบจะทำให้เมฆหมอกจางหายไป แล้วความสุขก็จะเข้ามาแทนที่ในระยะยาวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย ทำวันนี้ให้ดีที่สุด แล้วเมื่อมองย้อนกลับเราจะไม่รู้สึกเสียใจที่ได้ทำลงไป.

กิจวัตรประจำวันของคนที่มีความสุขก็คือ แยกให้ออกระหว่างเมฆหมอก กับควันไฟนั้นต่างกันอย่างไร

ศุภกิตติ์ กิติมหาคุณ