#88 ความมีสิ่งเดียว

ความมีสิ่งเดียว

ประหนึ่งว่าชีวิตนั้นมีแค่ชีวิตเดียว เราจะใช้ชีวิตไปกับสิ่งใดทั้งชีวิต หากว่าเราเลือกอะไรไม่ได้เลย เลือกได้แค่เพียงการกระทำต่อสิ่งต่าง ๆ ที่เข้ามายังชีวิตเราได้ก็เท่านั้นเอง เมื่อวันหนึ่งเราต้องตัดสินใจทำอะไรให้กับชีวิตของเราเองบ้าง เราควรเลือกอะไร แล้วสิ่งนั้นมันจะดีกับชีวิตเราจริง ๆ รึเปล่า ความสงสัยใคร่รู้ในชีวิตอาจจะมาเป็นคำตอบของสรรพสิ่งมากมายว่า ในความเป็นจริงแล้วชีวิตก็คือชีวิต ไม่มีอะไรนอกเหนือจากนี้เลย.

เรามีเพียงแค่ชีวิตเดียว

แมวอาจจะมีเก้าชีวิต แต่มนุษย์นั้นมีแค่ชีวิตนี้ชีวิตเดียว ถึงแม้ว่าเราอาจจะมีการเวียนว่ายตายเกิด แต่ชีวิตที่มีความเป็นเราอย่างทุกวันนี้ก็ย่อมได้ปรากฏเด่นชัดมากขึ้นว่า เราคือเรา และโลกทั้งใบนั้นก็มีเพียงแค่ใจเรานั้นรับรู้เท่านั้นเอง ต่อให้เราไปเรียกร้องให้คนทั้งโลกมารับรู้อย่างสิ่งที่เรารับรู้ มันก็คงจะผิดเพี้ยนกันไปตามปัจเจกชนอยู่นั่นแหละ เข้าใจให้เร็ว เรียนรู้ให้ไว แล้วตระหนักรู้ให้ได้ว่าโลกใบนี้ขับเคลื่อนด้วยชีวิตของเราเท่านั้น ไม่มีใครเลยที่จะขับเคลื่อนชีวิตเราได้นอกจากตัวของเราเอง จงรักษาชีวิตของเราเอาไว้ ให้สมควรแก่การกระทำของเราให้มากที่สุด แล้วการใช้ชีวิตให้ดีคือศิลปะชั้นเลิศที่น้อยคนจะฝึกฝนให้มีติดตัว.

หากว่าเป็นไปได้เราทุกคนก็คงอยากจะมีชีวิตที่สอง สาม หรือสี่ แต่กระนั้นมันก็เป็นไปไม่ได้ ที่จะให้มันเป็นแบบนั้นจริง ก็เพียงเพราะโลกใบนี้เลือกให้เรามีชีวิตเดียวก็เพราะเขาให้เรา รับผิดชอบ อดทน เปลี่ยนแปลงตัวเอง รวมไปถึงตื่นรู้ทางจิตวิญญาณว่า มีเพียงแค่ชีวิตเดียวก็เพียงพอแล้ว ไม่ต้องมีมากมาย ชีวิตเดียวเกินพอ เราอาจจะเป็นทั้งคนดีในช่วงชีวิตหนึ่ง และก็พร้อมกับเป็นคนเลวในช่วงชีวิตหนึ่งก็ได้เช่นกัน เราทุกคนเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ถ้าเราตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง การบังคับ ข่มขู่ หรือมีผลประโยชน์ใด ๆ มาทดแทนก็คงจะแทนกันไม่ได้ ใจของเราเป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งแทงตลอดความเป็นจริงตรงหน้าเรา.

ไม่มีใครเข้าใจเราเท่าตัวเราเอง

ต่อให้โลกนี้มีเทคโนโลยีมากมายมาทดแทนความรู้สึกเว้าโหวงในใจของเรา มันก็คงไม่มีใครแทนที่ตัวของเราที่พยายามในทุก ๆ วันกับการที่จะเข้าใจว่าชีวิตเราคืออะไร เราต้องการอะไรในชีวิต แล้วเรามีพลังพอไหมที่จะไปถึงจุดที่เราตั้งใจเอาไว้ได้ จงเริ่มต้นที่จะตั้งคำถามว่าทำไมเราถึงเรียกร้องให้สิ่งอื่น คนอื่น หรืออะไรนอกเหนือจากตัวเราเอง ให้มาเข้าใจตัวของเราจริง ๆ เมื่อเราเป็นเด็กเราก็ร้องไห้เวลาเราเสียใจ หรือตอนที่เราผิดหวัง พอเราเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเราก็จะรู้สึกว่าการร้องไห้ไม่ค่อยช่วยอะไร การมีปัญญาในการหาทางออกสำคัญกว่ากันมาก บางทีเราก็ต้องรู้สึกแยกแยะระหว่างความจำเป็นจริง ๆ กับความอยาก เพราะสองสิ่งนี้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง.

ความรู้สึกที่เน้นย้ำว่ามีคนไม่เข้าใจเราเลย นั่นก็แปลว่าเราไม่เคยฝึกเข้าใจตัวเองจริง ๆ ก็แค่นั้น ในความเป็นจริงมนุษย์เราไม่จำเป็นจะต้องมีคนเข้าใจเราทั้งโลก เราก็ขอเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่จะเข้าใจเราจริง ๆ มันอาจจะเป็นคู่ชีวิตของเราก็ได้ หรือมันอาจจะเป็นคนในครอบครัวของเราก็ได้เช่นกัน ที่จะเข้าใจในสิ่งที่เราเป็น หรือว่าถ้าชีวิตของเราไม่ได้เป็นไปตามสิ่งที่เราคาดหวังเอาไว้ ก็ต้องหัดที่จะน้อมนำความคิด ความอ่าน และความเข้าใจย้อนกลับมาที่ตัวเราเองหน่อยก็ดีเหมือนกัน เริ่มทำตั้งแต่ตอนนี้ วันหนึ่งเราจะเข้าใจตัวของเราเอง และเราจะสัมผัสได้จากก้นบึ้งของจิตใจว่า ตัวเราเองนี้ก็ไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น.

แผนเดียวตายยกครัว

ชีวิตไม่ควรมีแผนการเดียว ควรจะมีอย่างน้อยหลายแผนการ เมื่อชีวิตมีทางเดินแค่ทางเดียว เราจึงจำเป็นจะต้องตัดสินใจเลือกทางใดทางหนึ่งอยู่ตลอดเวลา เฉกเช่นเดียวกับการมีแผนการของการเลือกเดิน สมมุติว่าแผนที่หนึ่งไม่ได้ผล เราจะตัดสินใจอย่างไรต่อไป เรามีแผนการที่สองไหม หรือไม่มีเลย หากว่าเราไม่มีแผนการที่สอง สาม หรือสี่แล้ว เราจะจัดการปัญหาอย่างไรที่มันทำให้ชีวิตของเราหักเห ผิดเพี้ยนกันไป อย่าชะล่าใจคิดไปเองว่า สิ่งที่เราคิดหรือตัดสินใจมันจะต้องสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง เมื่อเราเกิดมามีชีวิตเดียว เราก็จึงไม่ควรมีแผนเดียวอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะแผนการของการจะไขว่คว้าหาความสำเร็จของชีวิต.

แผนการที่เป็นท่าไม้ตาย ก็ย่อมต้องมีเหมือนกัน ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามจะเกิดขึ้นกับเรา เราต้องรู้แผนการไม้ตายเราว่า ถ้าเกิดอุปสรรคนี้ขึ้นเราจะใช้แผนการนี้ทันทีโดยที่ไม่รีรอ หรือชักช้าใด ๆ เลย วางแผนรับรู้แล้วก็นำไปใช้ทันที นี่คือกระบวนท่าที่สำคัญของแผนการในชีวิต เราจะไม่ใช่แผนเดียวตายยกครัว เพราะเราไม่มีทางคาดการณ์อนาคตได้อย่างครบถ้วน มันจะต้องมีจุดบอด จุดมืด หรือจุดอับที่ทำให้เราตกหลุมพลางไปได้ ไม่ว่าจะฝึกฝนในการมีแผนสำรองไว้บ้าง รวมไปถึงอะไรที่ไม่เป็นดังใจก็เป็นจุดทดสอบของชีวิต ว่าเราเตรียมพร้อมแล้วหรือยัง กับการเดินทางครั้งสำคัญของชีวิตเรา เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะได้ไปตามทางของชีวิตที่ตัวเองได้เลือก.

ไม่มีสิ่งใดจะต้านแรงของใจที่ตั้งใจไว้ดีแล้วได้

คำว่าเปลี่ยนใจ เป็นคำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชีวิต มันเหมือนว่าเรากำลังทำอะไรสักอย่างหนึ่ง แล้วเราก็หันหัวเรือไปอีกทาง แน่นอนว่าการเปลี่ยนใจย่อมบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิตไปด้วย มนุษย์นั้นจึงไม่ควรเปลี่ยนใจบ่อยนักในสิ่งที่เป็นการตัดสินใจแบบใหญ่ แต่ว่าเราสามารถเปลี่ยนใจบ่อย ๆ ได้เท่าที่เราต้องการ กับสิ่งที่เป็นการตัดสินใจย่อย ๆ ทว่า เราก็ไม่ควรใช้ชีวิตแบบเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาให้มันดูเหมือนว่า เราไม่ได้โฟกัสกับมันมากพอ แล้วหากว่ามีคำ ๆ หนึ่งที่จะนิยามว่าชีวิตเดียวคืออะไร เราก็คงต้องบอกว่า มันคือชีวิตที่เปี่ยมไปด้วยการเพ่งเล็งไปยังจุด ๆ เดียวโดยที่ไม่จำเป็นต้องสนใจใครเตือนอะไรมาก แต่ยังไงแล้วเราต้องสอบทานการเพ่งเล็งจุดของชีวิตให้ดีที่สุด.

ชีวิตคือการโฟกัส ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงไปมา หากว่าเราต้องการจะค้นหาตัวเองว่างานอะไรเหมาะกับเรา เราก็ต้องลองทำงานทีละอย่าง ค่อย ๆ ทำ ตั้งกรอบเวลาให้ชัด ถ้ามีสัญญาณอะไรย้ำเตือนให้เงี่ยหูฟังให้มากเข้าไว้ ทุก ๆ การย้ำเตือนคือการบ่งชี้ว่างานนี้มันเข้าสภาวะไหลลื่นหรือไม่อย่างไร แล้วคำว่าค้นหาตัวเองว่าอะไรเหมาะกับเรา ก็ไม่ได้แปลว่าช่วงค้นหาตัวเองเราจะต้องเจอเลยทันที เราอาจจะลองไปแล้วสิบงานหรือมากกว่านั้นก็ได้ รวมไปถึงคำว่าเหมาะสม ก็ไม่ได้แปลว่ามันจะต้องมีความสุข แต่เวลาเราทำมันอาจจะไหลลื่นขึ้น และมีสิ่งต่าง ๆ สนับสนุนให้ทุกอย่างราบรื่นไปด้วยดี สิ่งเหล่านั้นจะเป็นตัวเน้นย้ำว่า เรากำลังเจอตัวเองว่างานใดเหมาะกับเราก็ได้เช่นกัน.