ไม่มีอะไรเลยบนโลกใบนี้ที่เราจะทำไม่ได้ มันมีอยู่เพียงแค่ทางเดียวที่ทำไม่ได้ คือมันขาดความต่อเนื่อง กว่าเราจะบ่มเพาะสิ่ง ๆ หนึ่งให้ปรากฏเด่นชัดขึ้นมา เราก็ย่อมจำเป็นจะต้องเสริมสร้างให้ทุกสิ่งไปต่อให้ได้ ไม่เช่นนั้นสิ่งที่เราหมุดหมายก็ย่อมไม่ใช่สิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้จริง สังเกตให้ได้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่สลักสำคัญต่อเหตุการณ์หนึ่ง แล้วเราพอที่จะทำมันได้บ้าง จงทำสิ่งนั้นต่อไปเรื่อย ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง.
แค่ทำมันไปเรื่อย ๆ
ไม่มีอะไรที่จะหยุดยั้งเราได้ ถ้าหากว่าเราฝึกฝนที่จะทำสิ่ง ๆ หนึ่งอย่างต่อเนื่อง มันจะย่อมสัญญากับเราว่ามันย่อมปรากฏขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งไม่มากก็น้อย มันย่อมจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน มีผู้คนมากมายหลงลืมไปว่าธรรมชาติเป็นสิ่งที่จะอยู่ข้างเรา ถ้าหากเรารู้จักมันจริง การรู้จักธรรมชาติก็คือการล้อไปกับสิ่งแวดล้อมรอบข้าง เรียนรู้ให้ได้ว่าเราพอทำอะไรได้ ทำเลยทันทีแล้วอะไรที่เราไม่สามารถทำได้ก็ปล่อยทิ้งไปก่อน การจะดึงรั้งสิ่งใดเอาไว้นั่นก็คือการประคับประคองให้มันอยู่รอดไปได้นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ หรือสิ่งของ ก็แทบจะใช้หลักการเดียวกันเพราะมันจะเป็นตัวช่วยให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แถมเอาชนะใจตัวเองได้พร้อมกันด้วย.
หลายคนมากที่ชอบหยุดกระทำบางสิ่งกลางคัน นั่นแปลว่าเหตุที่มันควรบ่มเพาะนั้นหายไป การจะมีกระบวนการสร้างที่ครบถ้วนสมบูรณ์จึงเป็นสิ่งทำได้ยากยิ่ง มันจึงเป็นเหตุการณ์ที่ผู้คนมากมายประสบพบเจออยู่ร่ำไป แถมมันก็ย่อมเป็นเหตุการณ์ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะพบเจอได้ด้วย มันเหมือนว่าเป็นบททดสอบของธรรมชาติว่า เราศรัทธาในสิ่งที่เราทำมากน้อยเพียงใด แล้วหากว่าเราเชื่อมั่นในสิ่ง ๆ นั้นจริง ๆ มันจะค่อย ๆ แง้มขึ้นมาให้เราเห็นได้อย่างแน่นอน ธรรมชาติกว่าจะสร้างสิ่ง ๆ หนึ่งย่อมต้องใช้เวลา ชีวิตที่ดีงามก็ย่อมต้องใช้เวลาเฉกเช่นเดียวกัน ไม่ต้องรีบร้อน ร้อนรน หรือใจร้อนกับการกระทำของตัวเองจนเกินไป.
กุญแจคือการทำต่อเนื่อง
เมื่อเราทำสิ่ง ๆ หนึ่งอย่างต่อเนื่องได้อย่างยาวนานมากพอ มันจะเกิดพลังมหัศจรรย์ขึ้น นั่นก็คือพลังของการบ่มเพาะที่เรานั้นเป็นคนสร้างเองมากับมือ แต่จริง ๆ แล้วไม่มีผู้ใดสร้างสิ่งหนึ่งได้จริง มีแต่การหลอมรวมของธรรมชาติที่มีสิ่งมีชีวิตร่วมแรง ร่วมใจกันสร้างกลายมาเป็นนวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ รวมไปถึงโอกาสใหม่ ๆ ที่เราไม่เคยได้เห็นมาก่อนเลย นั่นจึงเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่แท้จริง ที่มันไม่มีใครเป็นผู้สร้าง มีแต่ธรรมชาติหลอมรวมเหตุปัจจัยเข้าด้วยกันเท่านั้นเอง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราก็ย่อมต้องใส่ใจกับมัน เรียนรู้ว่าแต่ละสิ่งใช้เวลาในการบ่มเพาะต่างกัน บางอย่างรวดเร็วทันใจ บางอย่างช้ามากกว่าที่สิ่งหนึ่งจะสร้างขึ้นมาได้.
ความสุขในชีวิตจะเนื่องด้วยการทำในสิ่งที่รัก หากว่าเราไม่รักในสิ่ง ๆ นั้นเราจะไม่สามารถทำมันได้นาน เวลาเราถามใครว่า ทำไมถึงทำสิ่งนี้ได้นาน เราทุกคนก็น่าจะตอบคล้ายกันว่า เพราะเรารักในสิ่งนั้น เราเห็นประโยชน์ และเห็นคุณค่าเวลาเราได้ทำลงไป เวลาเรามองย้อนกลับมาเราจะรู้สึกภูมิใจอย่างยิ่งในการที่เราได้เป็นส่วนหนึ่งที่ร่วมสร้างสิ่งนี้ขึ้นมา โลกใบนี้มันจะมาช่วยเราอย่างแน่นอน ถ้าเราทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งนานมากพอ แล้วถ้าเราท้อถอยไปก่อน มันก็แค่ไม่มีอะไรปรากฏขึ้นก็เท่านั้นเอง ไม่ใช่ว่าเราจะเลือกแต่ก่นด่าโชคชะตาแล้วก็เปลี่ยนอะไรไปเรื่อย ๆ แต่มันคือการจับประเด็นของธรรมชาติให้ถูกต้องแล้วนำไปใช้ให้ถูกทาง.
ศรัทธาในสิ่งที่ได้ทำลงไป
พอเรารักในสิ่งที่เราทำ เราจะเริ่มเชื่อมั่น แล้วก็มีความศรัทธาในการกระทำนั้นอย่างมากมายมหาศาล สังเกตให้ได้ว่าเราต้องการอะไรกับชีวิตของเรา แล้วหมั่นตรวจสอบ สอบทานว่าชีวิตนี้เราจะได้อะไรกับสิ่งที่เราได้สร้างไปบ้าง ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้รับอย่างละเท่า ๆ กัน แต่ละคนจะได้รับต่างกัน เพียงเพราะเราทุกคนสร้างมันมาต่างกันนั่นเอง เราจึงไม่ได้รับเท่ากันกับทุกคนบนโลกใบนี้ แม้ว่าเราจะศรัทธาในสิ่ง ๆ นั้นจริง ก็ไม่ได้การันตีว่ามันจะได้รับสิ่งนั้น ทว่า มันคือการไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคขวากหนามที่เราพบเจอ ลองคิดเสียว่ามันคือส่วนประกอบของความสำเร็จก็แล้วกัน มันอาจจะไม่ได้มีสูตรสำเร็จว่าจะต้องทำอย่างไร แต่อย่างน้อยได้ทำก็ยังดี.
เชื่อมั่นกับตัวเองหน่อย ว่าเราจะทำสิ่ง ๆ หนึ่งได้จริง ไม่ดูแคลนความสามารถของตัวเอง ที่มันอาจจะไม่ได้ดีเท่าไร รวมไปถึงรู้ชัดให้ได้ว่าเราคือใคร ชอบอะไร แล้วหมุดหมายไปยังทิศทางใด เพื่อที่เราจะเร่งความเร็วให้มากที่สุดต่ออนาคต ที่มันจะเสริมสร้างให้มันคมชัดมากยิ่งขึ้น ผู้คนมากมายอาจจะหลงลืมไปว่า ความเชื่อมั่นในสิ่งที่เราทำก็ไม่ต่างอะไรจากการที่เราเชื่อว่า วันนึงการกระทำของเรานี้จะสัญญากับเราว่ามันย่อมมอบอะไรที่เราสร้างมาให้กับเรา มันคือผลผลิตของโชคชะตา ถักทอด้วยความคิด คำพูด และการกระทำของเรา ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่ได้มาจากเราทั้งหมด แต่เราก็ควรใส่ใจในการกระทำของตนเองบ้างก็ยังดี.
ไม่ใช่ทุกคนที่จะประสบความสำเร็จ
หนึ่งในร้อย หนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในพันล้าน ไม่ว่าคุณจะอยู่หนึ่งในอะไร แต่ขอให้คุณมีหนึ่งเดียวบนโลกใบนี้ จงสร้างสิ่งที่ควรค่าแก่การสร้าง บ่มเพาะสิ่งเหล่านั้นให้ได้ออกมาดีที่สุด โลกใบนี้เป็นของทุกคน และมีไม่กี่คนที่จะเลือกใช้งานโลกใบนี้อย่างถูกทาง เราอาจจะไม่ใช่คนที่รับรู้เรื่องราวได้ทั้งหมด แต่เราจะเป็นคนหนึ่งที่จะตระหนักว่า อะไรบ้างที่ควรทำ และอะไรบ้างที่ไม่ควรทำ การทำต่อเนื่องไม่ใช่มีทิศทางที่ดีไปเสียหมด แต่มันก็ย่อมอาจจะเป็นทางที่ไม่ดีก็ได้ด้วย เลือกวิถีทางเดินของตนเองให้ได้ ไม่จำเป็นต้องฟังเสียงผู้คนอื่นมากเกินไป โฟกัสกับทางเดินของตัวเองให้ได้มากที่สุด เพราะตัวเราเองนั่นแหละคือคนที่จะวาดอนาคตของโลกใบนี้.
คนที่รู้จักตัวเองเท่านั้นที่จะประสบความสำเร็จ เพราะเขารู้จักที่จะใส่ใจกับการกระทำบางสิ่งบางอย่าง แล้วทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด ไม่สนใจคำดูถูก ดูแคลน รวมไปถึงเสริมสร้างกำลังใจที่ดีในทุกเมื่อเชื่อวันด้วย แน่นอนว่าความสำเร็จในชีวิตไม่ใช่สิ่งที่จะได้รับกันทุกคน แต่ถ้าเรามองกันให้ดี คนส่วนน้อยที่ประสบความสำเร็จเขาคิดอย่างไร ทำอย่างไร แล้วมองอย่างไร ฝึกฝนความคิดจิตใจ ให้เป็นไปตามคนเหล่านั้นบ้างก็ยังดี หรือว่าเอาสิ่ง ๆ นั้นมาสำรวจตัวเองบ้างว่า ฉันมีความคิดแบบคนกลุ่มนั้นบ้างไหม ถ้าไม่มีเลยก็เกรงว่ามันจะไม่ใช่ทางของเรา การเป็นคนธรรมดาที่ไม่ธรรมดานั้นอาจจะยากเกินไป แต่อย่างน้อยได้ลองทำดูก็ดีกว่าไม่ใช่หรือ.