เอาใจใส่

สังเกตทีท่าของผู้คนไว้บ้าง มันไม่ใช่เป็นการชอบใส่ใจเพียงอย่างเดียว แต่มันกลับกลายเป็นการเอาใจเขามาใส่ใจเราอย่างสมดุล ชีวิตไม่ได้มีไม้บรรทัดมาวัดว่า อะไรคือสิ่งที่สมดุล มันไม่มีมาตรวัดใด ๆ ทั้งสิ้น มันมีแต่วันนี้เราคิดว่ามากก็อาจจะปรับให้น้อย หรือว่าอะไรที่มันน้อยก็ลองปรับให้มันมากดูแค่นั้น.

อยากลองสวมรองเท้าเดียวกับผู้อื่นดูบ้างไหม เหมือนว่าประโยคดังกล่าวเป็นคำเชิญชวนของคนที่เอาใจใส่ผู้คน แต่ว่าบางทีการที่เราอยากได้รับการใส่ใจ เราเคยตั้งคำถามบ้างไหมว่า เราเคยใส่ใจคนอื่นบ้างไหม หรือวัน ๆ เราก็ไม่ได้สนใจอะไรใครมาก รับรู้ให้ได้ว่า วันนี้เราสังเกตผู้คนมากน้อยเพียงใด แล้วการสังเกตจิตใจ ความคิด หรือวิถีชีวิตของผู้คนเราได้อะไรจากบุคคลเหล่านั้นบ้าง มันย่อมต้องสลักสำคัญต่อชีวิตเราบ้างไม่มากก็น้อย.

รับรู้ให้ได้ว่าคุณค่าของชีวิตเราคืออะไร การที่นึกถึงแต่ตัวเองหรือการที่นึกถึงแต่คนอื่น หากว่าเราจำเป็นต้องเลือกทางใดทางหนึ่ง ทำไมเราถึงเลือกทางนั้น มันเป็นเพราะอะไรกันแน่ ชีวิตมันจะดำเนินไปได้อย่างไรถ้าวันนี้เราไม่ได้ทำอะไรให้มันดีขึ้นเลย มันรังแต่จะสร้างปัญหาให้ใหญ่ขึ้น ก็เพียงเพราะเราไม่รู้ว่าชีวิตในอนาคตจะประกอบไปด้วยสิ่งใด ๆ บ้าง วันนี้เราจึงต้องเริ่มเสาะแสวงหาชีวิตที่คุ้มค่าจริง.

ไม่มีคำว่าคุ้มในชีวิตหนึ่ง นั่นแปลว่าถ้าหากว่าเราได้ยินว่าชีวิตเราคุ้มค่าแล้วที่ได้เกิดมา หรือว่าชีวิตเรายังไม่คุ้มค่ากับที่เราได้เกิดมา ก็อาจจะหมายความว่ามีผู้คนอื่นกำลังวิจารณ์ชีวิตของเรา เขาอาจจะเอาใจใส่ชีวิตเรามากเกินไป แล้วเขาเหล่านั้นก็มักจะสูญเสียเวลาอันมีค่าที่สุดไป ก็เพียงเพราะค่านิยมบางอย่างมันเป็นปัจเจก มันไม่ใช่สิ่งที่จะชี้วัดอะไรได้เลย มันมีแต่คำว่าเราได้ทำอย่างที่เราตั้งใจไว้แค่นั้นเอง.

ถ้าใช้คำว่าคุ้มค่ากับชีวิต เราอาจจะบอกได้ว่าชีวิตที่คุ้มค่าที่สุดก็คือชีวิตที่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรเป็นอันดับแรก แล้วได้ทำสิ่งที่ต้องการเป็นอันดับสอง มันจึงเป็นความสมบูรณ์แบบอย่างสิ่งที่ควรจะเป็น แล้วมันไม่ได้แปลว่าเราคุ้มค่าที่ก้นบึ้งของจิตใจ เพราะความคุ้มค่าที่แท้จริงก็คือการที่เรารู้สึกเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง และประคับประคองอย่างสมดุลไปตลอดชีวิต.

การเอาใจใส่คือ ศิลปะของการประคับประคองการเอาใจเขามาใส่ใจเราอย่างสมดุล

ศุภกิตติ์ กิติมหาคุณ